จะทำอย่างไรหากคุณได้รับอีเมลที่น่าสงสัยจากอีเมลของคุณเอง

การได้รับอีเมลที่ดูเหมือนว่าจะมาจากที่อยู่อีเมลของคุณเองอาจเป็นเรื่องน่าตกใจ แต่ในกรณีส่วนใหญ่ ไม่ได้หมายความว่ามีการเข้าถึงบัญชีของคุณ เบื้องหลังมักเป็นเทคนิคการปลอมแปลงตัวตนของผู้ส่ง (การปลอมแปลงอีเมล) ที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของโปรโตคอลเพื่อทำให้ข้อความดูถูกต้องในขณะที่ไม่ใช่เช่นนั้น

อาชญากรทางไซเบอร์ใช้กลวิธีนี้ในการแบล็กเมล์ แพร่กระจายมัลแวร์ หรือขโมยข้อมูลโดยอ้างถึงความเร่งด่วน ความอับอาย หรือความกลัว เพื่อให้คุณชำระเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย องค์กรต่างๆ เช่น INCIBE, OCU และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เตือนว่าอีเมลเหล่านี้เป็นอีเมลหลอกลวง และไม่แนะนำให้ทำการแบล็กเมล์หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคล เราจะแสดงวิธีการให้คุณดู ต้องทำอย่างไรหากคุณได้รับอีเมลที่น่าสงสัยจากอีเมลของคุณเอง

การปลอมอีเมลคืออะไร และเหตุใดคุณจึงได้รับอีเมลจาก "คุณ"

การปลอมแปลงอีเมลเป็นเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงผู้ส่งโดยการแก้ไขส่วนหัวของข้อความเพื่อให้ดูเหมือนว่ามาจากแหล่งอื่น ดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อธิบายไว้ ผู้โจมตีจะแก้ไขช่องข้อมูล เช่น "จาก" หรือบรรทัดหัวเรื่องเพื่อให้ปรากฏเป็นบุคคลที่คุณไว้วางใจ หรือแม้แต่ตัวคุณเอง โดยที่ไม่ได้เข้าถึงบัญชีของคุณ

เป็นไปได้เพราะโปรโตคอล SMTP ซึ่งควบคุมการส่งอีเมลไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบผู้ส่งด้วยตัวเอง ดังนั้นด้วยเครื่องมือหรือ API ที่เรียบง่าย ใครๆ ก็สามารถตั้งค่าที่อยู่ "จาก:" ใดๆ ก็ได้ที่ต้องการ เซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อความ และส่วนหัวที่มองเห็นได้ในกล่องจดหมายของคุณจะแสดงที่อยู่ที่ผู้โจมตีป้อนเข้ามา แม้ว่าจะไม่ใช่ที่อยู่จริงก็ตาม

ส่วนหัวทางเทคนิคของอีเมล (ส่วนหัวแบบเต็ม) เปิดเผยเส้นทางที่แท้จริงของข้อความ เนื่องจากพวกเขาบันทึกทุกฮอประหว่างเซิร์ฟเวอร์ในฟิลด์เช่นได้รับแล้ว: ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่ตรวจสอบฟิลด์เหล่านี้ก่อนที่จะโต้ตอบกับเนื้อหา

นอกจากช่องจาก: แล้ว ผู้หลอกลวงยังใช้ "ตอบกลับถึง" เพื่อเปลี่ยนเส้นทางการตอบกลับไปยังบัญชีอื่นที่พวกเขาควบคุม ดังนั้นแม้ว่าอีเมลจะดูเหมือนว่าถูกส่งโดยคุณหรือผู้ติดต่อ แต่การตอบกลับจะไปถึงผู้โจมตี

กลโกงเหล่านี้ทำงานอย่างไร: ตั้งแต่การแฮ็กปลอมไปจนถึงการข่มขู่ทางเพศ

รูปแบบที่พบบ่อยที่สุดรูปแบบหนึ่งคือการส่งอีเมล์ขู่กรรโชก โดยผู้โจมตีอ้างว่าได้ติดไวรัส บันทึก หรือควบคุมกล้องของคุณ และขู่ว่าจะเผยแพร่คลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาส่วนตัวหากคุณไม่ชำระเงินภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งโดยปกติจะเป็น Bitcoin ข้อความเหล่านี้มักจะอ้างว่าพวกเขาได้ติดตามคุณมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือใช้ซอฟต์แวร์ที่ "เปิดไมโครโฟนของคุณ"

INCIBE ชี้แจงว่าในแคมเปญประเภทนี้ ผู้โจมตีไม่ได้เข้าถึงอุปกรณ์ของคุณและไม่มีวิดีโอจริง และวัตถุประสงค์หลักคือการหลอกล่อให้คุณรับเงินหรือข้อมูลของคุณ OCU เสริมว่าพวกเขายังพยายามแพร่กระจายมัลแวร์ผ่านไฟล์แนบหรือลิงก์ที่ติดไวรัสด้วย

อีกรูปแบบหนึ่งคือคำเตือน “Pegasus” ปลอมหรือมัลแวร์ “ทรงพลังอย่างยิ่ง” อื่นๆ โดยอ้างว่าอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณถูกบุกรุก และการชำระเงินทันทีเท่านั้นที่จะป้องกันผลกระทบร้ายแรงได้ นี่เป็นตัวอย่างคลาสสิกของวิศวกรรมสังคมที่ตั้งอยู่บนความเร่งด่วนและความกลัว

ผู้โจมตีใช้ความอับอายเพื่อกดดันคุณ พวกเขามักเรียกร้องสกุลเงินดิจิทัลเพราะยากต่อการติดตาม บางครั้งพวกเขาอาจใส่รหัสผ่านที่รั่วไหลจากการละเมิดข้อมูลเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แม้ว่านี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะควบคุมบัญชีของคุณได้จริงก็ตาม

สัญญาณในการตรวจจับการแบล็กเมล์และอีเมลฟิชชิ่ง

มองหาตัวบ่งชี้ทั่วไป: ความต้องการทางการเงินเร่งด่วน (โดยเฉพาะในสกุลเงินดิจิทัล) ภัยคุกคามต่อการโพสต์เนื้อหาที่เป็นส่วนตัว และกำหนดเวลา 24-48 ชั่วโมง แรงกดดันที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณทั่วไปของการฟิชชิ่งและการแบล็กเมล์

นอกจากนี้ ให้มองหาข้อความที่เขียนไม่ดี การสะกดผิด หรือวลี "แปลก ๆ" ที่บ่งบอกถึงการทำงานอัตโนมัติหรือการแปลที่ไม่ดี รวมถึงผู้ส่งหรือที่อยู่ปลอมที่ไม่ตรงกับตัวตนที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ระวังการขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินผ่านทางอีเมล ลิงก์เพื่อ "ยืนยันบัญชีของคุณ" หรือดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อความดูผิดปกติหรือเลียนแบบธนาคาร ซัพพลายเออร์ หรือผู้ติดต่อในครอบครัวของคุณ โปรดยืนยันผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการเสมอ

หากคุณได้รับข้อความที่อ้างว่ามาจากองค์กรที่มีชื่อเสียง (เช่น บริษัทจัดส่ง) ที่ขอชำระเงินหรืออัปเกรดผ่านลิงก์ โปรดจำไว้ว่าสถาบันที่ถูกต้องตามกฎหมายจะไม่ร้องขอข้อมูลที่เป็นความลับผ่านทางอีเมลหรือส่งไฟล์แนบที่สามารถปฏิบัติการได้

วิธีตรวจสอบว่าอีเมลนั้นมาจากที่ใดจริงๆ

การตรวจสอบส่วนหัวของอีเมลทั้งหมดช่วยให้คุณยืนยันแหล่งที่มาที่แท้จริงและเส้นทางที่อีเมลผ่าน เปรียบเทียบข้อมูลด้านเทคนิคกับข้อมูลที่ปรากฏใน “จาก:”

• Gmail: เปิดข้อความ แตะจุดแนวตั้งสามจุด และเลือก “แสดงต้นฉบับ” คุณจะเห็นโค้ดทั้งหมดและบรรทัด From: authentic, นอกเหนือจากการตรวจสอบความถูกต้อง
• เครดิต: เปิดข้อความ คลิกขวาแล้ว “ตัวเลือกข้อความ” ตรวจสอบ “Internet Header” เพื่อยืนยันว่าได้รับ:, จาก:, ตอบกลับถึง:, และคัดลอกส่วนหัวหากคุณต้องการแยกวิเคราะห์
• ยาฮูเมล: เปิดข้อความ แตะจุดสามจุด และเลือก “ดูแหล่งที่มาของข้อความ” ตรวจสอบรายการที่ได้รับและ IP ของผู้ส่งเดิม เพื่อตรวจจับความไม่สอดคล้องที่อาจเกิดขึ้น

Outlook จะแสดงเครื่องหมาย “?” บนรูปภาพผู้ส่งเมื่อไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ แนะนำให้ระมัดระวัง หากผู้ติดต่อปกติไม่ปรากฏสัญลักษณ์ดังกล่าว แต่จู่ๆ กลับปรากฏ แสดงว่าบุคคลดังกล่าวอาจถูกปลอมแปลง

เบาะแสอีกประการหนึ่งคือ หากที่อยู่ "จาก:" แตกต่างจากที่อยู่ในส่วนหัว คุณจะสามารถเห็นชื่อผู้ส่งที่แท้จริงซึ่งมีขีดเส้นใต้ ซึ่งช่วยให้คุณระบุอีเมลปลอมได้

หากได้รับอีเมล “จากอีเมลของคุณเอง” ต้องทำอย่างไร

1) อย่าตอบกลับ คลิกลิงค์ หรือเปิดไฟล์แนบ การตอบกลับยืนยันว่ากล่องจดหมายของคุณยังใช้งานอยู่ และอาจเอื้อต่อการโจมตีในอนาคต การจ่ายเงินเป็นเพียงการเติมเชื้อไฟให้กับการแบล็กเมล์โดยไม่ได้แก้ไขปัญหาใดๆ

2) ลบหรือทำเครื่องหมายข้อความว่าเป็นสแปม สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงตัวกรองของผู้ให้บริการของคุณและลดการปรากฏของแคมเปญที่คล้ายคลึงกัน

3) เสริมสร้างความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ: เปลี่ยนรหัสผ่านของคุณให้แข็งแกร่งและไม่ซ้ำใคร และเปิดใช้งานการยืนยันแบบสองขั้นตอน หากคุณใช้รหัสผ่านเดียวกันบนหลายแพลตฟอร์ม ให้เปลี่ยนรหัสผ่านบนทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดในอนาคต

4) ตรวจสอบการเข้าสู่ระบบและกิจกรรมล่าสุดในบัญชีหลักของคุณ หากคุณไม่ตรวจพบการเข้าถึงที่น่าสงสัย ก็อาจเป็นการแอบอ้างตัวโดยไม่ได้บุกรุกจริง

5) หากคุณได้ชำระเงินหรือให้ข้อมูลไปแล้ว ให้รวบรวมหลักฐาน (ภาพหน้าจอ ธุรกรรม ข้อความ) และรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ หรือ หน่วยรักษาดินแดน อย่าดำเนินการสื่อสารใดๆ ต่อไปกับผู้โจมตี และเก็บหลักฐานการพยายามรีดไถทั้งหมดไว้

วิธีการรายงาน กรอง และบล็อกตามบริการของคุณ

Gmail: ทำเครื่องหมายว่าเป็นฟิชชิ่ง/สแปมและบล็อค

ใน Gmail คุณสามารถรายงานข้อความว่าเป็นสแปมหรือฟิชชิ่ง และบล็อกผู้ส่งเพื่อหลีกเลี่ยงอีเมลที่ไม่ต้องการในอนาคต เมื่ออีเมลถูกย้ายไปยังสแปม Google จะได้รับสำเนาเพื่อปรับปรุงการตรวจจับโดยรวม

• ทำเครื่องหมายว่าเป็นสแปมบนเว็บ: เลือกข้อความ คลิกที่ไอคอน “!” หรือใช้ Shift+1 Gmail จะยืนยันการดำเนินการ.
• บนโทรศัพท์มือถือ: เลือกข้อความ แตะจุดสามจุด และเลือก "รายงานเป็นสแปม" คุณยังสามารถใช้แอปบน Android หรือ iOS ได้อีกด้วย
• บล็อกผู้ส่ง: เปิดอีเมล แตะ “เพิ่มเติม” (จุดสามจุด) และเลือก “บล็อก” นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกทำเครื่องหมายเป็นสแปมได้อีกด้วย
• ฟิลเตอร์: ใน การตั้งค่า > ตัวกรองและที่อยู่ที่ถูกบล็อค > สร้างตัวกรอง กำหนดกฎเกณฑ์ในการจัดการหรือยกเว้นอีเมลบางฉบับ

Outlook/Hotmail: จัดการสแปมและบล็อกผู้ส่ง

• ทำเครื่องหมายว่าเป็น “สแปม”: เลือกข้อความและคลิกที่ “สแปม” คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าจะรายงานเรื่องนี้ไปยัง Microsoft หรือไม่ โดยอีเมลจะถูกย้ายไปยังโฟลเดอร์สแปม
• บล็อกผู้ส่ง: ในข้อความ ให้คลิก “สแปม” แล้วคลิก “บล็อกผู้ส่ง” หากต้องการย้อนบล็อก ให้ไปที่ เครื่องมือ > การตั้งค่าขยะ
• ปรับปรุงตัวกรองสแปม: ใน การตั้งค่า > ดูการตั้งค่าทั้งหมด > เมล > เมลขยะ เปิดใช้งานตัวเลือกเพื่อบล็อกลิงก์ สิ่งที่แนบมา หรือรูปภาพที่น่าสงสัย

Apple Mail และ iCloud

• จาก iPhone/iPad: เปิดอีเมล แตะที่ธง และเลือก “ย้ายไปที่ขยะ” คุณสามารถบล็อกผู้ติดต่อได้จาก การตั้งค่า > เมล > ถูกบล็อก
• บน Mac: เลือกข้อความและแตะ “จดหมายขยะ” หรือลากไปยังโฟลเดอร์ที่เหมาะสม ตั้งค่าตัวกรองใน การตั้งค่า > สแปม
• บน iCloud.com: เปิดข้อความและแตะที่ธง จากนั้น "ย้ายไปที่ขยะ" หรือลากไปที่โฟลเดอร์นั้น

ธันเดอร์เบิร์ด

• เปิดใช้งานการควบคุมป้องกันสแปม: เมนู > ตัวเลือก > การตั้งค่าบัญชี > “การตั้งค่าสแปม” ทำเครื่องหมายที่ “เปิดใช้งานการควบคุม"

แนวทางปฏิบัติที่ดีในการลดสแปมและหลีกเลี่ยงการติดกับดัก

คิดก่อนที่จะแชร์อีเมลของคุณและหลีกเลี่ยงการโพสต์บนเว็บไซต์หรือฟอรัมเปิด ซึ่งบอทและสแปมเมอร์สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้ ใช้นามแฝงหรือบัญชีแบบใช้แล้วทิ้งสำหรับการลงทะเบียนที่ไม่น่าเชื่อถือ

อย่าโต้ตอบกับข้อความที่น่าสงสัย: อย่าเปิดไฟล์ คลิกลิงก์ หรือยกเลิกการสมัครรับอีเมลที่น่าสงสัย นี่เป็นการยืนยันว่าที่อยู่อีเมลของคุณยังใช้งานได้อยู่ และอาจทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น สำหรับจดหมายข่าวที่ถูกต้อง คุณสามารถยกเลิกการสมัครรับข้อมูลได้ทุกเมื่อ

อัปเดตระบบ เบราว์เซอร์ และแอปพลิเคชันของคุณ และใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสพร้อมการปกป้องเว็บและอีเมล เพื่อป้องกันการดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายและการเข้าสู่เว็บไซต์หลอกลวง

เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนบนบริการหลักของคุณ ดังนั้นแม้ว่ารหัสผ่านจะรั่วไหล พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงได้หากไม่มีปัจจัยความปลอดภัยที่สองของคุณ

หากคุณจัดการอีเมลจำนวนมาก ควรพิจารณาติดตั้งตัวกรองสแปมเพิ่มเติม ซึ่งให้การป้องกันชั้นที่สองต่อข้อความที่ไม่ต้องการ

วิธีทราบว่าข้อมูลหรือรหัสผ่านของคุณถูกเปิดเผยหรือไม่

ตรวจสอบว่าบัญชีอีเมลหรือรหัสผ่านของคุณถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่ การใช้ไซต์ที่เชื่อถือได้เช่น haveibeenpwned.comหากคุณตรวจพบการเปิดเผย ให้เปลี่ยนรหัสผ่านที่ได้รับผลกระทบและเปิดใช้งาน MFA

หากคุณเชื่อว่าเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนที่มีชื่อของคุณกำลังแพร่กระจายบนเว็บไซต์หรือเครือข่าย ค้นหาข้อมูลของคุณและหากคุณพบเนื้อหาที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของคุณ ขอให้ถอดออกจากแพลตฟอร์ม ในสหภาพยุโรป คุณมีสิทธิที่จะถูกลืม และสามารถร้องขอการถอนดังกล่าวได้เมื่อเหมาะสม

การตรวจสอบการสื่อสารจากองค์กรภาคประชาชน

บริษัทบางแห่งได้นำมาตรการป้องกันการฉ้อโกงมาใช้ เช่น การใช้รหัสยืนยันบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของตน หากคุณได้รับอีเมลที่น่าสงสัยจากบริษัทพัสดุที่ขอการชำระเงินหรือข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการหรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า

โปรดจำไว้ว่า: องค์กรที่น่าเชื่อถือจะไม่ขอข้อมูลประจำตัว รายละเอียดธนาคาร หรือไฟล์ปฏิบัติการผ่านทางอีเมลหรือ SMS และหากคุณไม่ได้คาดหวังการจัดส่ง สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดที่จะทำคือละเว้นและลบข้อความที่น่าสงสัยนั้น

วิธีระบุสแปมได้ดีขึ้นด้วยเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์เหล่านี้

กรุณาตรวจสอบที่อยู่ผู้ส่งให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ชื่อที่ปรากฏในช่องที่มองเห็นได้ เพื่อตรวจจับโดเมนที่ผิดปกติหรือโดเมนที่ไม่สอดคล้องกับเอนทิตีที่ประกาศไว้

ระวังข้อความที่มีโทนเสียง “ด่วน” หรือ “ดำเนินการทันที” รวมถึงข้อความทั่วๆ ไป เช่น “เรียนลูกค้า” โดยทั่วไปข้อความที่ถูกต้องจะใช้ชื่อของคุณและแสดงโทนที่เป็นทางการมากกว่า

ใส่ใจกับข้อผิดพลาดในการสะกดคำหรือเครื่องหมายวรรคตอน และประโยคที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นสัญญาณการแปลโดยเครื่องหรือเทมเพลตอัตโนมัติ

โปรดระมัดระวังเป็นพิเศษกับไฟล์แนบที่ไม่รู้จักหรือลิงก์แบบย่อ วางเมาส์เหนือลิงก์เพื่อตรวจสอบปลายทาง หรือคัดลอกและวิเคราะห์ URL ในเครื่องมือตรวจสอบชื่อเสียงโดยไม่ต้องคลิกจากข้อความ

กรณีทั่วไป: “พวกเขาเขียนถึงฉันจากอีเมลของฉันและยังตอบกลับฉันด้วย”

ผู้ใช้ที่มีบัญชี Outlook หรือ Hotmail ได้รับอีเมลที่ดูเหมือนมาจาก "Pegasus" หรือแผนการรีดไถที่เรียกร้องสกุลเงินดิจิทัล และที่น่าแปลกใจคือ มีบางคนตอบกลับคำตอบเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ควบคุมบัญชีนั้นจริงๆ ก็ตาม

หากคุณเปิดใช้งานการยืนยันแบบสองขั้นตอนและบันทึกกิจกรรมของคุณไม่แสดงการเข้าสู่ระบบที่ประสบความสำเร็จ เป็นสัญญาณว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้ วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ตอบกลับ ทำเครื่องหมายว่าเป็นสแปม เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรหัสผ่าน และเปิดใช้งาน MFA ไว้ นอกจากนี้ โปรแกรมป้องกันไวรัสที่อัปเดตยังเพิ่มการป้องกันต่อไฟล์ที่อาจเป็นอันตรายอีกด้วย

เหตุใดอีเมลจึงอนุญาตให้มีการหลอกลวงเหล่านี้ และลูกค้าปกป้องคุณอย่างไร

โปรโตคอล SMTP ที่ใช้ในการส่งอีเมลได้รับการออกแบบโดยไม่มีการตรวจสอบผู้ส่งที่เข้มงวด อนุญาตให้ผู้ส่งที่เป็นอันตรายตั้งค่าที่อยู่ "จาก:" ที่กำหนดเองซึ่งเซิร์ฟเวอร์ยอมรับและส่งต่อ

ในแต่ละฮ็อประหว่างเซิร์ฟเวอร์ เนื้อหาของข้อความจะถูกบันทึกใน "ได้รับ" ของส่วนหัวทางเทคนิค อำนวยความสะดวกในการติดตามแหล่งที่มาดั้งเดิมเพื่อการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์หรือการตรวจจับการแอบอ้าง

ไคลเอนต์สมัยใหม่ เช่น Outlook จะแสดงการแจ้งเตือนทางภาพเมื่อพวกเขาไม่ยืนยันตัวตนของผู้ส่ง เช่น เครื่องหมายคำถามหรือความแตกต่างของที่อยู่ เพื่อช่วยระบุผู้ส่งที่ปลอมแปลง

เมื่อใดและอย่างไรจึงจะยกระดับปัญหา

หากคุณได้รับภัยคุกคามที่น่าเชื่อถือ รายละเอียดเฉพาะเกี่ยวกับคุณ หรือความพยายามรีดไถที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล บันทึกหลักฐานทั้งหมด (ส่วนหัว การจับภาพ และธุรกรรม) และ รายงานไปยังกองกำลังความมั่นคง

รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังผู้ให้บริการอีเมลของคุณและสถาบันที่แอบอ้าง (ธนาคาร ผู้ให้บริการจัดส่ง ฯลฯ) โดยจัดทำเอกสารที่รวบรวมไว้ทั้งหมด

กุญแจสำคัญในการปกป้องตัวเองคือการรู้จักฟิชชิ่ง เพิกเฉยต่อการแบล็กเมล์ และเปิดใช้งานกลไกการป้องกันที่เหมาะสม ได้แก่ ทำเครื่องหมายว่าเป็นสแปม บล็อกผู้ส่ง ตรวจสอบส่วนหัว เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรหัสผ่าน รักษา MFA และใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส หากคุณต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเช่นนี้ต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อ เราขอแนะนำให้อ่านบทความอื่นๆ เช่น บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิธีลบมัลแวร์ออกจากโทรศัพท์มือถือของฉัน.